บริษัท ห้างขายทอง จินฮั้วเฮง จำกัด
ราคาทองวันนี้    
ขายออก
-
รับซื้อ
-
0
0
ขายออก
-
รับซื้อ
-

มี.ค.06

The Best CEO จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี "ชื่อเสียงวาจาน่าเชื่อถือ" สูตรสำเร็จพ่อค้าทอง


   http://www.prachachat.net/online/2009/07/12465903291246634671l.jpg

The Best CEO  จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี

‘ชื่อเสียง วาจาน่าเชื่อถือ’  สูตรสำเร็จพ่อค้าทอง

    

        ผู้ที่อยู่ในวงการค้าทอง ไม่มีใครไม่รู้จัก “จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” ประธานสมาคมผู้ค้าทองคำ ผู้คร่ำหวอดและเดินทางสายธุรกิจค้าทองมาเป็นระยะเวลานาน

   
       “จิตติ” เริ่มเข้าสู่วงการ ตั้งแต่ อายุ 15 เรียนรู้การทำธุรกิจมา ตั้งแต่เด็ก ทำงานอยู่ในร้านทอง ที่เป็นของญาติค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นลำดับ ได้เรียนรู้ถึงเรื่องระบบในการทำงาน ทุกขั้นทุกตอน เรียนรู้ ตั้งแต่ระดับล่างจน ถึงผู้จัดการดูแลร้านทองในหลายๆสาขา ซึ่งใช้เวลาหลายสิบปี นี่คือจุดเริ่มต้นจนมีธุรกิจ เป็นของตัวเอง
   
   

         แต่เนื่องจากการเปิดร้านทองต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หาทำเลที่ตั้งดีๆ ก็ไม่ใช่ง่าย จึงทิ้งช่วงไปทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้า ส่งออก พอเริ่มอยู่ตัวก็ให้ลูกน้อง ดูแล ส่วนตัวเองก็ยังวนเวียน อยู่ในธุรกิจทองตลอด จนเมื่อคิดว่าพร้อม แล้วจึงได้ชักชวนเพื่อนๆ มาร่วมหุ้นกัน จน กลายมาเป็น บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด นำระบบที่เคยได้เรียนรู้จากร้านทอง มาใช้ ในขณะเดียวกันก็มีประสบการณ์เรื่อง ติดต่อต่างประเทศเสริมเข้ามา ก็ได้นำมาพัฒนาร่วมไปกับธุรกิจทองคำ

    

  
         นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้พัฒนาในระบบทองคำในเรื่องของระบบภาษี “ในสมัยก่อนที่เศรษฐกิจดี และราคาทองถูก ร้านทองในสมัยนั้นมีกว่าหมื่นแห่งทั่วประเทศ และการที่เราไม่มีเหมืองทองคำ ต้องนำเข้า จากต่างประเทศ ซึ่งในสมัยนั้นรัฐบาลเก็บภาษีแพงมาก ภาษีนำเข้าศุลกากรกว่า 30% และสมัยนั้นยังไม่มีสมาคมค้าทองคำ เป็นแค่ชมรม ผมจึงได้เสนอไปให้กระทรวง การคลังให้แก้ไขระบบภาษี เนื่องจากเห็นว่าในต่างประเทศระบบการทำงานไม่เหมือน กับเมืองไทย ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร หลายปีที่กลุ่มค้าทองพยายามรวมตัวกัน เข้าไปคุยกับกระทรวง จนได้มีการปรับปรุง แก้ไข จนสุดท้ายก็ได้ยกเว้นภาษี แล้วก็ตั้ง ระบบให้สอดคล้องกับทุกคนที่ทำธุรกิจ เรื่องนี้น่าจะผ่านมาเกิน 20 ปีแล้ว”

    

   http://www.creativeculturethailand.com/pic_thumbnail/thumb190911164243.jpg

   
         หลังจากนั้น “จิตติ” ก็ยังมองเห็นถึงการที่จะพัฒนาธุรกิจค้าทองให้ขยายไปต่างประเทศ โดยตั้งความหวังว่า
        “อยาก จะให้ต่างประเทศมาลงทุนที่เมืองไทย เพราะว่าทองคำในภาคพื้นเอเชีย คิดว่าเมืองไทยได้เปรียบกว่าที่อื่น นอกจาก ที่ทองคำนำเข้าได้เสรีแล้ว เราก็อยากให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุน แล้วก็มาซื้อ ขายในประเทศไทย ถึงได้ขอให้ยกเว้นภาษี มูลค่าเพิ่ม เพราะว่าเป็นอุปสรรคในการซื้อขาย จากการผลักดันของสมาคมจึงได้รับการยกเว้น เพื่อที่จะตั้งเป็นศูนย์ค้าทองใน ประเทศไทย เป็นผลทำให้เกิดเป็นโกลด์ฟิวเจอร์สขึ้นมา”

   
         ในส่วนของการทำธุรกิจนั้น “จิตติ” บอกว่า “ต้องตระหนักถึงสิ่งที่ทำ ต้องมีความพยายามแล้วก็ตั้งใจทำงาน ต้องมีความซื่อสัตย์ โดยเฉพาะวงการค้าทอง ถ้า ไม่ซื่อสัตย์คิดว่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จ เพราะ เราไม่ได้ซื้อขายเฉพาะในเมืองไทย เราต้อง ติดต่อกับต่างประเทศ ซึ่งถ้าไม่มีเครดิต เค้า ไม่เชื่อถือ ถึงอย่างไรก็ค้าขายไม่ได้ อีกทั้ง ราคาทองที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ วินาที การติดต่อซื้อขาย กับต่างประเทศ ใช้วาจา ไม่มีสัญญา ถ้าไม่มีความน่าเชื่อถือก็เจรจา ธุรกิจไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นที่สำคัญ คือ ชื่อ เสียง วาจา ต้องตรงไปตรงมาน่าเชื่อถือ

 

    

   http://www.thairath.co.th/media/content/2009/12/31/56104_20_2.jpg


         สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างคือ เรื่องพนักงาน มองว่า เมื่อมอบหมายให้งานแล้วถ้ามีความมั่นใจว่ามีการทำงานที่ดี น่าเชื่อถือ ก็ต้องสนับสนุนให้เขาทำงานอย่างเต็มที่ แล้วก็ดูแลพนักงานอย่างใกล้ชิด เรื่องสวัสดิการควรมีให้อย่างเหมาะสม เพื่อให้พนักงานมีกำลังใจทำงานให้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วอีกสิ่งที่สำคัญคือ ความ ดีความชอบเราต้องแยกแยะให้ถูกต้อง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง และถ้าสิ่งใดที่ตัวเราเองยังไม่พัฒนา อย่านำสิ่งนั้น ไปใช้กับคนอื่น”

   
         จากการทำงานมาเป็นระยะเวลานาน มีอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาไม่น้อย การที่จะต่อสู้กับอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้ ต้อง มีความพยายาม ความอดทน ไม่ทำเกินตัว ใจเย็น ใช้สติแก้ไขปัญหา มองว่าอุปสรรค เป็นเครื่องมือการตรวจสอบการทำงาน ถ้าทุกอย่างราบรื่นไปหมดไม่มีอุปสรรคทำให้งานเราไม่ก้าวหน้า ถ้ามีอุปสรรคแล้ว แก้ไขได้ ก็จะมีประสบการณ์ มีโอกาสที่จะ พัฒนาให้ธุรกิจเติบโต

 

   
         ปัจจุบันนี้แม้จะถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ก็ยังคงต้องศึกษาพัฒนาไปเรื่อยๆ แต่เนื่องจากว่าตอนนี้อายุมาก ขึ้นอาจจะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นให้ความรู้แก่คนรุ่นหลัง ส่งเสริมรุ่นใหม่ขึ้นมาแล้วตัวเองก็ถอยขึ้นมาเป็นที่ปรึกษา
   แนวโน้มของตลาดทองท่านมองว่า “ตลาดทองยังจะค่อยๆพัฒนาต่อ เนื่องจากว่าราคาทองแพงขึ้น การขายทองจากสมัยก่อนถึงตอนนี้ถือว่าพัฒนามาเยอะมาก

    

    

   http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/11/12/images/news_img_86106_1.jpg
    

          สมัยก่อนขายทองรูปพรรณ เดี๋ยวนี้กลายเป็นขายทองแท่ง แต่เนื่อง จากว่าทองแท่งมันลงทุนเยอะแล้วกำไรน้อย เรามีการพัฒนาอย่างโกลด์ฟิวเจอร์ส หรือซิลเวอร์ฟิวเจอร์ส โกลด์ออนไลน์ที่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ จะเข้าถึงได้ทางอินเตอร์เน็ต ซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เราก็ต้องพัฒนาไป ก็จะได้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่เหมือนกับสมัยก่อน คนรุ่นเก่าที่ซื้อทองเก็บ ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ ถ้าราคามีการ นิ่งๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็เงียบ เพราะ ฉะนั้นต้องมีรุ่นใหม่ ทำระบบใหม่ นอกจาก นี้ต้องอาศัยพัฒนาช่างฝีมือที่จะส่งเสริม ทองรูปพรรณที่จะส่งออกไปต่างประเทศ เพราะว่าเทคนิคของเมืองไทยสมัยก่อน ถือว่านำอยู่ เนื่องจากว่าคนไทยสมัยก่อน ทุกคนพอใจสิ่งที่เรามีอยู่ไม่ได้พัฒนา ยืนอยู่กับที่กลายเป็นคนอื่นแซงคิวไป เวลานี้ทางสมาคมค้าทองจึงพยายามผลักดันให้ข้อมูล ความรู้ต่างๆ เพื่อให้ตลาดทองเติบโตก้าวหน้าต่อไป”